วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

เอ๊ะ!! รู้ไหม? ทำไมก๋วยเตี๋ยวถึงใส่ถั่วงอก



ทุกท่านทราบไหมคะว่า...ปัญหานี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับประเทศไทย เท่านั้น ลาว เวียดนาม และ บางส่วนของประเทศจีน ก็ประสบปัญหาเดียวกัน ประเทศศรีลังกา ถึงกับต้องจัดตั้งองค์กร " ไม่งอก เพื่อชาติ " หรือ FREE BEAN SPROUT มีสมาชิกทั่วประเทศเกือบยี่สิบคนรวมทั้งคุณมารร้ายด้วย จุดประสงค์เพื่อต่อต้านการใส่ถั่วงอกในชามก๋วยเตี๋ยว ความจริงชาวศรีลังกา

ก๋วยเตี๋ยว ภาษาแต้จิ๋ว ออกเสียง ว่า " กุ้ย ติ๋ว "
ก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยมีมาเมื่อประมาณ สมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีการติดต่อกับชายต่างชาติมากมาย และชาวจีนก็ได้นำเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามากินกันในเรือ โดยต้มในน้ำซุป มีการใส่หมู ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย แต่สำหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้น และได้นำมาประกอบเป็นอาหารอื่นๆ บริโภคกันจนมีความเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และเริ่มมีการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทย

ในสมัย จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2481-2487) "ท่านผู้นำ" ได้ใช้นโยบาย "รัฐนิยม" เพื่อให้ประชาชนคนไทย มีความรัก ความหวงแหนในความเป็นไทย โดยได้ออกนโยบาย "รัฐนิยม" 12 ฉบับ สรุปสาระสำคัญได้ว่าเป็นการกำหนดให้คนไทยต้องมี "ประเพณีนิยมประจำชาติ" เพื่อให้เป็นชนชาติที่มีคุณสมบัติทัดเทียมกับอารยประเทศ ซึ่งนโยบาย "รัฐนิยม" นี้ มีผลให้คนไทยต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตอย่างมาก เช่น การห้ามกินหมาก การใส่หมวกเมื่อออกจากบ้านหรือที่เรียกกันว่า "มาลา นำไทยไปสู่มหาอำนาจ" เป็นต้น โดยหนึ่งในนโยบาย "รัฐนิยม"ของ"ท่านผู้นำ" ในขณะนั้นได้แก่ การส่งเสริมให้ประชาชนปลูกผัก เพาะถั่วงอก เลี้ยงหมู เพื่อใช้บริโภคในครอบครัว และยังสนับสนุนให้คนไทยเห็นความสำคัญของการค้าขายโดยให้นำถั่วงอกและเนื้อหมูนั้นมาประกอบเป็น"ก๋วยเตี๋ยว" ขาย ซึ่ง "ท่านผู้นำ" เห็นว่า การส่งเสริมให้คนไทย ขายก๋วยเตี๋ยวกันมากๆ นั้น จะเป็นการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจตกต่ำได้ โดย"ท่านผู้นำ" ได้ปาฐกถาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
"อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน เพราะก๋วยเตี๋ยว มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานพร้อม ทำเองได้ในประเทศไทย หาได้สะดวกและอร่อยด้วย หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งชามทุกวัน วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม ตกลงวันหนึ่งค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยหนึ่งวันเท่ากับเก้าสิบล้านสตางค์ เท่ากับเก้าแสนบาท เป็นจำนวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้ เงินเก้าแสนบาทนั้น ก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกัน ไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่งคนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาทก็มีราคาหนึ่งบาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยขน์เต็มที่ในค่าของเงิน.."

โดยทางการได้ทำหนังสือเวียนแจกจ่ายไปทุกจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และครูใหญ่ทุกโรงเรียน ต้องขายก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งหาบ และให้กรมประชาสงเคราะห์จัดทำคู่มือการทำ ก๋วยเตี๋ยวแจกจ่าย สมัยนั้น ข้าราชการที่มีหน้ามีตาจึงมีหน้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวกันเป็นการใหญ่ และได้มีการแต่งเพลง "ก๋วยเตี๋ยว" ขึ้นเพื่อใช้ในการเชิญชวนให้คนไทยหันมาขาย และรับประทานก๋วยเตี๋ยวกัน เพราะเหตุนี้ก๋วยเตี๋ยวจึงใส่ถั่วงอกกันมาถึงปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประวัติลอดช่องวัดเจษฯ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้

ลอดช่องวัดเจษฯ เป็นชื่อที่เรียกติดปากกันไปแล้ว ถ้าจะกินลอดช่องก็ต้องพ่วงคำว่าวัดเจษฯ เข้าไปด้วย ถือว่าเป็นลอดช่องที่ทุกคนกิน ของมันต้องมีอ...