วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ประวัติลอดช่องวัดเจษฯ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้


ลอดช่องวัดเจษฯ เป็นชื่อที่เรียกติดปากกันไปแล้ว ถ้าจะกินลอดช่องก็ต้องพ่วงคำว่าวัดเจษฯ เข้าไปด้วย ถือว่าเป็นลอดช่องที่ทุกคนกิน ของมันต้องมีอะไรประมาณนี้


ประวัติความอร่อย ลอดช่องวัดเจษฯ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้
ลอดช่องอยู่คู่คนไทยมาช้านาน ให้พูดถึงยี่ห้อโปรดก็ไม่พ้น ลอดช่องวัดเจษฯ หากจะให้พูดว่าลองช่องเป็นขนมไทยแท้ๆ ก็ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงได้แน่ชัด เพราะมีความเชื่อว่าลอดช่องกำเนิดในทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศ อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย แต่ยังไงก็ตาม ลอดช่องไทยก็อยู่มาทุกยุคทุกสมัย ก่อนจะเป็นชื่อว่าลอดช่องนั้น ขนมชนิดนี้จะถูกเรียกว่า “นกปล่อย” เพราะมันเป็นสีเขียว ลอดช่องออกมาเหมือนนกถ่ายมูลปล่อยของเสีย

หลายคนคิดว่าลอดช่องวัดเจษฯ มีของปลอม?
คำตอบคือ ไม่มีของปลอม เป็นสูตรเดียวกันแต่ต่างกันตรงผู้ผลิตค่ะ ผู้ผลิตเป็นพี่น้องกัน ที่ได้สูตรจากคุณพ่อคุณแม่ หน้าตาของซองอาจจะไม่เหมือนกัน แต่การันตีความอร่อยด้วยคำว่าวัดเจษฯ แต่ละผู้ผลิตจะปรับสไตล์เพิ่มเติมให้เข้ากับความชอบของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งวันนี้เราก็มีให้ทานกันแล้วที่ร้าน “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” อย่าลืมมาลิ้มลองกันนะคะ

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เฉาก๊วย ของหวานสีดำๆ ที่มากคุณประโยชน์


เฉาก๊วย เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก ลำต้นกลม เปราะและหักง่ายคล้าย กิ่งก้านแผ่กว้างคลุมดิน ยาวได้ 2-3 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยว เป็นรูปรีแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื้อย ก้านใบสีขาว ยาวประมาณ 1-1.5 ซม. ใบเป็นสีเขียวสด เวลาใบดกจะหนาแน่น ทำให้น่าชมมาก

ประโยชน์ของเฉาก๊วย
ของหวานสีดำๆ เด้งดึงที่เคี้ยวหนึบหนับ และมีรสหวานจากน้ำเชื่อม รวมถึงความเย็นฉ่ำจากน้ำแข็งที่ใส่ผสมลงไป ทำให้ “เฉาก๊วย” นั้นกลายเป็นหนึ่งในของหวานยอดฮิตในช่วงหน้าร้อนมากๆ แบบนี้ แต่นอกจากความหวานเย็นที่กินแล้วสดชื่นขึ้นมาในทันใด เฉาก๊วยก็ยังมีสรรพคุณอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย
เฉาก๊วยแท้ๆ จะทำมาจากต้นเฉาก๊วย ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลเดียวกับมินต์ (พืชจำพวกสะระแหน่) พบได้มากในประเทศจีน จึงทำให้ขนมเฉาก๊วยมีที่มาจากเมืองจีน และมีชื่อเรียกเป็นภาษาจีน (แต้จิ๋ว) แต่ก็ยังมีการเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามภาษาถิ่นอีกด้วย อาทิ ในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า เหลียงเฝิ่น หรือ เซียนเฉ่า ที่แปลว่าหญ้าเทวดา ขณะที่ชาวมาเลย์จะเรียกว่า จินเจา เป็นต้น ส่วนภาษาไทยเราก็เรียกว่า เฉาก๊วย ตามอย่างภาษาจีนแต้จิ๋ว

สรรพคุณของเฉาก๊วยที่เรารู้กันดีอยู่แล้วก็คือ ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ นอกจากนี้แล้วยังช่วยขับเสมหะ แก้คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ช่วยลดไข้ แก้ตัวร้อน ร้อนใน ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดอาการตับอักเสบ ลดอาการไขข้ออักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือหากว่านำเฉาก๊วยมาต้มให้เดือดแล้วนำน้ำเฉาก๊วยมาดื่มเป็นประจำจะช่วยลดอาการโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน แต่ข้อควรระวังก็คือ น้ำตาลที่ใส่ผสมลงไปเพื่อให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นนั้นต้องไม่มากเกินไปด้วย เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์ อาจจะได้ผลเสียจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปได้

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ผักบุ้ง ของดีที่หาทานได้ใกล้ตัว


ผักบุ้งไทย

ผักบุ้งเป็นหนึ่งในผักที่คนนิยมนำมารับประทานเป็นอาหาร ซึ่งในประเทศไทยมีผักบุ้งที่เรารู้จักและนำมารับประทานอยู่ทั้งหมด 3 ชนิด นั่นก็คือ ผักบุ้งไทย ผักบุ้งจีน และผักบุ้งนา ซึ่งก็ล้วนแต่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ อย่างที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็คือ ผักบุ้งช่วยบำรุงสายตา แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากนี้ผักบุ้งยังมีสรรพคุณอีกมากมายที่เราคาดไม่ถึง บอกได้เลยว่าผักบุ้งเป็นอาหารที่ไม่ควรพลาด !
สารอาหารที่อยู่ในผักบุ้งถือว่าเป็นส่วนที่โดดเด่นที่ทำให้เจ้าพืชธรรมดาๆ ชนิดนี้กลายเป็นที่สนใจอย่างมาก ด้วยประโยชน์อันมากมายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ผักบุ้งจึงกลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีคนนิยมมากมายไม่แพ้อาหารชนิดอื่นๆ โดยประโยชน์ของผักบุ้งมีดังนี้ค่ะ

1.รักษาอาการนอนไม่หลับ
2.บำรุงเลือด
3.บำรุงตับ
4.ลดน้ำตาลในเลือด
5.แก้ท้องผูก
6.ช่วยลดน้ำหนัก
7.ลดคอเลสเตอรอล
8.ผักบุ้งช่วยบำรุงสายตา
9.ป้องกันโรคหัวใจ
10.ต้านมะเร็ง

ผักบุ้งจีน

นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่นับแทบไม่หวาดไม่ไหว อาทิ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยรักษารังแค รักษาริดสีดวงทวาร แก้ปวดฟัน ช่วยหยุดเลือดกำเดา และรักษาตาปลา เป็นต้น เรียกได้ว่าสิ่งดีๆ จากผักบุ้งนี่มีเพียบ จะเรียกว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดอีกชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ยังไงก็อย่าลืมทานผักบุ้งกันเยอะๆ นะคะ ถ้าไม่ชอบทานแบบสดๆ ก็สามารถทานคู่กับเมนูแสนอร่อย นั้นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือ นั้นเอง อยากอร่อแถมได้ประโยชน์ต้องมาทานที่นี่เลยค่ะ “ร้านโฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” รับรองแซบถึงเครื่องแน่นอนค่ะ

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อยากบอกรสชาติเป็นภาษาอังกฤษ พูดยังไงดีนะ


หลักๆ ที่เรารู้จักกันคือ sweet หวาน, sour เปรี้ยว, salty เค็ม, bitter ขม และ spicy เผ็ดจัดจ้าน (สไตล์อาหารไทย) ซึ่งหลายครั้งที่คำพวกนี้สื่อถึงรสชาติสุดอร่อยของอาหารได้ไม่ตรงจุด มันยังไม่ใช่ ไหนจะรสจัด ไหนจะรสจืด ฉะนั้นลองไปดูคำอื่นๆ กันนะคะ
1. acidic เปรี้ยวมากๆๆๆๆ
2. tart เปรี้ยวนิดๆ
3. acrid ฉุนๆ
4. sharp เผ็ดร้อนรุนแรง
5. astringent ขมๆ ฝาดๆ แบบยา
6. bitter-sweet หวานและขมในเวลาเดียวกัน (นึกถึงดาร์กช็อคโกแลตสิ)
7. sweet-and-sour หวานและเปรี้ยวในเวลาเดียวกัน
8. mellow หวานฉ่ำ แบบผลไม้หวานๆ
9. creamy รสครีมๆ หอมมัน
10. cheesy รสเนย หรือจะใช้ว่ารสเลี่ยนก็ได้
11. savoury รสเค็มและเผ็ด ไม่มีรสหวาน ออกมาแล้วอร่อย
12. fishy รสคาว
13. greasy มันแผล็บ
14. juicy ฉ่ำ แบบพอกัดแล้วรู้สึกได้ว่ามีน้ำออกมาจากอาหารนั้น
15. mild รสนุ่ม, รสอ่อน, รสไม่จัด
16. brackish รสกร่อย เหมือนน้ำกร่อย มีรสเค็มปะแล่มนิดๆ
17. watery รสจืด, รสจางๆ เหมือนใส่น้ำเยอะเกินไป
18. bland ไร้รสชาติ
19. stale เหม็นหืน, กลิ่นเก่า
20. flavorful ครบรสลงตัว
นอกจากคำอธิบายแต่ละรสแล้ว ยังมีวิธีชมว่าอาหารอร่อยอีกหลายคำเลยนะคะที่มากกว่า good, delicious, yummy และ tasty และแถมอีกคำคือ appetizing สำหรับน่ากินค่ะ It looks appetizing. มันดูน่ากินจัง

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561

แคบหมูกินนิด กินหน่อยก็มีปณะโยชน์


ประโยชน์ของแคปหมู

ในประเทศไทย แคบหมูมักใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงอาหารอื่นๆ เช่น น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยว น้ำเงี้ยว ฯลฯ หรือเป็นส่วนผสมประกอบอาหารอื่นๆ เช่น พวกน้ำพริกหรือแกง
แคบหมูมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงใช้เป็นของคบเคี้ยวหรือเครื่องเคียง แคบหมูมีไขมันและโซเดียมสูง ไขมันในแคบหมูนั้นทัดเทียมกับในมันฝรั่งทอด ขณะที่โซเดียมในแคบหมูซึ่งบริโภคแต่ละครั้งนั้นมีปริมาณมากกว่าที่ได้จากการบริโภคมันฝรั่งทอดครั้งหนึ่งๆ ถึงราวห้าเท่า การบริโภคแคบหมูครั้งละยี่สิบแปดกรัม (หนึ่งออนซ์) จะได้โปรตีนมากกว่าการบริโภคมันฝรั่งทอดถุงหนึ่งราวเก้าเท่า และในแคบหมูชนิดไขมันต่ำ มีไขมันน้อยกว่ามันฝรั่งทอดชนิดไขมันสูง แต่ในขณะที่97%ของไขมันในมันฝรั่งทอดเป็นไขมันไม่อิ่มตัว มีเพียงร้อยละ43ของไขมันแคบหมูนั้นไม่อิ่มตัว ส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก อันเป็นไขมันที่เป็นผลดีต่อสุขภาพชนิดเดียวกับที่พบในน้ำมันมะกอก ขณะที่อีกร้อยละสิบสามของไขมันแคบหมูนั้นเป็นกรดสตีแอริก อันเป็นไขมันอิ่มตัวที่เชื่อกันว่าไม่เพิ่มระดับคอเลสเทอรอล แต่ทั้งนี้เมื่อนับปริมาณไขมันอิ่มตัวในแคบหมู ก็มีถึง53% ซึ่งยังนับว่าเป็นอาหารไขมันสูงอยู่ดี


จะเห็นว่าข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ก็เป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกกินอาหารได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเป็นกังวล แต่ถึงกระนั้นเราก็ควรกินอาหารให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่กินอะไรมากจนเกินไปและน้อยจนเกินไปเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย แต่ถ้าพูดถึงแคบหมูที่กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวแล้วลงตัวสุดๆ เราของแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เลย “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติเข้มข้น อร่อย ถึงใจ และยังมีเครื่องเคียงที่เรากล่าวไป นั้นก็คือ... “แคบหมู” บอกเลยว่าเด็ดสุดในจังหวัดอุบลราชธานี

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ถั่วฝักยาวเป็นสมุนไพรที่ช่วยบำรุงหัวใจได้


สมุนไพร

"ถั่วฝักยาว" เป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เรามักได้เห็นและได้กินกันเกือบทุกวัน นั่นเพราะถั่วฝักยาวเป็นส่วนประกอบของอาหารได้หลากหลายประเภท ไม่ว่ากินสุกหรือกินสดก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งจะใส่ในส้มตำต่างๆ กินกับขนมจีนน้ำยา หรืออยู่ในก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่ง เป็นต้น

สรรพคุณทางยา มากคุณค่า โภชนาการของ "ถั่วฝักยาว"

เพราะฉะนั้นหากเจอถั่วฝักยาวที่ไหนจงดีใจกันนะ เหตุผลคือถั่วฝักยาวจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง และมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในส่วนของเกลือแร่และวิตามินหลากหลาย อาทิ ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมงกานีส แมกนีเซียม โฟเลตวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และในถั่วฝักยาวยังอุดมด้วยเส้นใยอาหารรวมถึงโปรตีนสูงมาก จึงมีคุณสมบัติเด่นคือ จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน และทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีด้วย
นอกจากนี้ถั่วฝักยาวมีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงไตและม้ามที่ให้ผลดีไม่แพ้สมุนไพรชนิดอื่น ยิ่งไปกว่านั้นคือในถั่วฝักยาวมีวิตามินซีที่มากพอในการช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายจะดูดซึมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นแหล่งของฟอสฟอรัสที่จะทำงานร่วมกับธาตุเหล็กได้ดี ซึ่งจะส่งผลในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
แต่การจะนำถั่วฝักยาวมาใช้ประกอบอาหารนั้น ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าที่สะอาดหลายๆ ครั้ง เนื่องจากถั่วฝักยาวเป็นผักที่มีการสะสมของยาฆ่าแมลงและสารเคมีซึ่งตกค้างอยู่มาก เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายและการได้ประโยชน์จากถั่วฝักยาวมากกว่าโทษ


13 สรรพคุณของถั่วฝักยาว ประโยชน์ในการรักษาโรค

1. ถั่วฝักยาวมีสรรพคุณที่สามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะธาตุเหล็กและฟอสฟอรัสในถั่วฝักยาวนั้นมีอยู่ในปริมาณที่สูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้กระดูก ฟัน และเส้นผมแข็งแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง
2. ถั่วฝักยาวมีสารสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างให้การทำงานของฮีโมโกลบินดีขึ้น และยังทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ ส่งผลดีต่อร่างกายไม่ให้อ่อนเพลียง่าย
3. สรรพคุณถั่วฝักยาวนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมาก จะช่วยเสริมสร้างให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคหวัดและโรคเลือดออกตามไรฟัน ดูแลไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ลดอาการอักเสบ และบำรุงเนื้อเยื่อและผิวพรรณให้ผ่องใส สวยอย่างมีสุขภาพดี
4. ถั่วฝักยาวมีสรรพคุณที่ใช้เป็นยาเพื่อช่วยบำรุงไตและม้าม โดยการดื่มน้ำคั้นจากเมล็ดแห้งหรือสดของถั่วฝักยาว
5. ถั่วฝักยาวมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานดีขึ้น เพราะถั่วฝักยาวมีสารสำคัญในการเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จึงทำให้น้ำหนักไม่ขึ้นง่ายหรือมีไขมันส่วนเกิน
6. ประโยชน์ถั่วฝักยาวมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และละลายน้ำไม่ได้ ซึ่งมีผลดีต่อระบบการขับถ่าย ทำให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น ป้องกันโรคท้องผูก และยังเหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะถั่วฝักยาวมีโปรตีนสูงและไขมันน้อยจึงทำให้อิ่มนานและอิ่มเร็ว
7. สรรพคุณของถั่วฝักยาวมีฤทธิ์ในการช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตัน รวมทั้งช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจได้
8. ถั่วฝักยาวมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่เป็นมิตรกับร่างกาย จึงเป็นผักสมุนไพรที่เหมาะเป็นอาหารของคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
9. ถั่วฝักยาวช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้องได้เป็นอย่างดี ด้วยวิธีง่ายๆ แค่กินถั่วฝักยาวสดๆ ก็พอ
10. ประโยชน์ของถั่วฝักยาวเป็นแหล่งของวิตามินเอ ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีหน้าที่สำคัญช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดภาวะต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม ทำให้สายตามองเห็นได้อย่างชัดเจน
11. ถั่วฝักยาวมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดบวม แก้อาการปวดตามเอวได้ดี และรักษาแผลที่เกิดบริเวณเต้านม
12. ถั่วฝักยาวมีฤทธิ์ช่วยในการแก้อาเจียน ดับกระหาย ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
13. ถั่วฝักยาวยังใช้ประโยชน์เป็นยาเพื่อรักษาฝีเนื้อร้าย ทำให้เนื้อเยื่อดีเจริญเติบโตเร็วขึ้น และสามารถช่วยรักษาโรคหนองในที่มีน้ำหนองไหล
ถั่วฝักยาวเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีรสชาติอร่อย และนำมาใช้ประกอบอาหารได้เกือบทุกเมนูแล้ว ยังอุดมด้วยประโยชน์ดีๆ มากมายต่อร่างกายอีกด้วยนะ ได้ทราบถึงสรรพคุณและคุณประโยชน์ของถั่วฝักยาวกันขนาดนี้แล้ว มื้อต่อไปถั่วฝักยาวต้องเป็นอาหารที่เราจะกินคำแรกแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

กระเทียมโทนเป็นเครื่องเทศที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

เครื่องเทศ

กระเทียมโทน เป็นกระเทียมพันธุ์ที่ไม่มีกลีบหรือมีเพียงหัวเดียว ไม่นิยมใช้เป็นเครื่องเทศ เพราะมีกลิ่นฉุนน้อย แต่นิยมดองน้ำผึ้งหรือน้ำตาลรับประทาน เพราะหัวมีเพียงหัวเดียว เนื้อหัวมีขนาดใหญ่ มีเนื้อมาก สามารถรับประทานได้ทั้งหัว
กระเทียมโทน เป็นกระเทียมที่ปลูกได้จากกลีบกระเทียมทั่วไป แต่การเติบโตไม่สมบูรณ์หรือกลีบบางกลีบมีการแตกกลีบต่ำ โดยเฉพาะกลีบกระเทียมตรงกลาง ทำให้หัวกระทียมไม่แบ่งกลีบ กลายเป็นกระเทียมหัวเดียว


ประโยชน์กระเทียมโทน

1. หัว และใบกระเทียมโทนสดใช้ประกอบอาหาร ทั้งเมนูผัด และต้ม ช่วยดับกลิ่นคาว และเพิ่มรสเผ็ดอ่อนๆ
2. หัว และใบกระเทียมโทนสดใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงหรือรับประทานคู่กับอาหารจำพวกลาบ น้ำตก ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
3. หัวกระเทียมโทนนิยมใช้ดองหวานหรือดองน้ำผึ้ง เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจาก หัวกระเทียมไม่มีกลีบ มีหัวเดียว ให้เนื้อหัวมาก รับประทานได้ทั้งหัว เมื่อดองแล้วจะมีรสหวาน มีกลิ่นหอม นิยมรับประทานหัวดองหรือใช้น้ำดองปรุงรสอาหาร


สรรพคุณกระเทียมโทน

หัวกระเทียม
- ช่วยบรรเทาอาการไอ โดยรับประทานหัวสดหรือต้มน้ำดื่ม
- ช่วยรักษาแผล แก้แผลเน่าเปื่อย โดยผ่าหัวกระเทียมหรือบด แล้วทาพอกแผล
- ช่วยรักษาแผล แก้แผลเน่าเปื่อย โดยผ่าหัวกระเทียมหรือบด แล้วทาพอกแผล
- ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย
- แก้โรคหอบหืด
- แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต
- ช่วยบำรุงปอด แก้วัณโรค
- ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ช่วยป้องกันเลือดจับตัวเป็นลิ่ม
- ช่วยป้องกันหัวใจขาดเลือด
ใบกระเทียม
- ช่วยขับเสมหะ
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
หลังจากที่ได้รู้จักสรรพคุณของกระเทียมไปแล้วนะคะ สำหรับใครที่ไม่ชอบทานกระเทียมแบบสดๆก็หันมาลองทานอาหารที่ใช้กระเทียมเป็นส่วนผสมเพื่อให้การทานกระเทียมมันง่ายขึ้น ถ้ายังไม่รู้ว่าจะกินเมนูอะไร แนะนำเลยค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่ทานง่ายและยังมีส่วนผสมของกระเทียมอีกด้วย ลองมาทานก๋วยเตี๋ยวของโฮมก๋วยเตี๋ยวเรือดูสิค่ะ ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เก๊กฮวยนิยมใช้เป็นยาสมุนไพร รักษาแก้ร้อนใน


ยาสมุนไพร

เก๊กฮวย เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน มีพันธุ์เก๊กฮวยที่นิยมปลูก และนำมาต้มเป็นน้ำเก๊กฮวยมากที่สุด คือ เก๊กฮวยดอกขาว ที่ปลูกมากกว่าร้อยละ 90 ของเก๊กฮวยทั้งหมด โดยเฉพาะที่เมืองหังโจ ประเทศจีน ส่วนเก๊กฮวยสีเหลือง ไม่นิยมทำน้ำเก๊กฮวย เพราะน้ำให้รสขม แต่นิยมใช้เป็นยาสมุนไพรสำหรับแก้ร้อนใน
สำหรับดอกเก๊กฮวยที่ชาวยุโรปนิยมใช้ชงเป็นชาดื่มเหมือนกับเก๊กฮวยของชาวเอเชียจะเป็นดอกเก๊กฮวยที่อยู่ในวงศ์เดียวกันดาวเรืองหรือเก๊กฮวย คือ ดอกคาโมมายล์ (Chamaemelum nobile (L.) All. มีกลีบดอก 2 สี คือ สีขาว และสีเหลือง

สรรพคุณของเก็กฮวย

สามารถ ช่วยดับกระหาย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ ช่วยดูดซับสารก่อมะเร็งและจุลินทรีย์ ช่วยขยายหลอดเลือดแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดตีบ ช่วยบำรุงเลือด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยลดไข้ ช่วยแก้ไอ ช่วยระบายและย่อยอาหาร ช่วยขับลม บำรุงปอด บำรุงตับ บำรุงไต ใช้รักษาฝีเป็นหนอง ช่วยรักษาผมร่วง

ประโยชน์เก๊กฮวย

- ดอกเก๊กฮวยแห้งนิยมใช้ต้มหรือชงเป็นชาดื่ม น้ำเก๊กฮวยจะมีสีเหลืองอ่อน และให้กลิ่นหอมน่าดื่ม น้ำ ซึ่งอาจใช้ทั้งดอกเก๊กฮวยแห้งหรือผงดอกเก๊กฮวย
- ใช้เป็นส่วนผสมของยาสมุนไพร คือ เก๊กฮวยสีเหลือง ซึ่งให้รสขม
- ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์
- ลำต้นเก๊กฮวย ใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน
- ลำต้น และใบเก๊กฮวยที่เก็บดอกแล้ว ทำการไถกลบสำหรับเป็นปุ๋ยพืชสดหรือนำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก


ใครที่กำลังมองหาร้านนั่งสบายชิวๆ แอร์เย็น บรรยากาศดี บริการประทับใจคนที่แวะมาใช้บริการต้องที่นี้เลยค่ะ โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

คุณค่าทางสารอาหาร

ถั่วงอกสรรพคุณไม่ธรรมดา จัดเป็นผักที่ให้คุณค่าทางสารอาหารมากมาย หลายคนที่ไม่ชอบกินถั่วงอก อ่านจบแล้วอาจเปลี่ยนใจ มากินถั่วงอกได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์ของถั่วงอกเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อย ๆ เพราะบางคนก็เหม็นเขียวกลิ่นถั่วงอก ทั้งที่จริง ๆ แล้วสรรพคุณของถั่วงอกไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ ดีต่อสุขภาพของเราหลายประการ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอพาสรรพคุณถั่วงอกมาให้ทุกคนได้ทราบอย่างทั่วถึง ตามนี้เลย

ถั่วงอก ผักธรรมดา ที่มีคุณค่าต่อร่างกาย
ถั่วงอกเป็นต้นอ่อนของถั่วที่งอกออกมาจากเมล็ดถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วเหลือง หรือถั่วลันเตา แต่โดยส่วนมากถั่วงอกที่เราได้กินกันทุกวันนี้จะเพาะมาจากเมล็ดถั่วเขียวผิวดำ เพราะมีอัตราการงอกที่ดีกว่า อายุเก็บเกี่ยวถั่วงอกสั้น และมีคุณค่าทางอาหารค่อนข้างสูง
ถั่วงอกจัดเป็นพืชตะกูลถั่วชนิดหนึ่ง โดยถั่วงอก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Sprout หรือ Bean sprout ลักษณะของถั่วงอกจะมีรากงอกออกมาจากเมล็ดถั่วก่อน จากนั้นเปลือกเมล็ดจะปริแตก จากนั้นรากจะค่อย ๆ งอกเป็นลำต้นสีขาว ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร


สรรพคุณของถั่วงอก บอกเลยว่าแจ่ม !

1. ช่วยในการย่อยและระบบขับถ่าย
ในถั่วงอกมีไฟเบอร์อยู่จำนวนไม่น้อย อีกทั้งยังมีน้ำ และเอนไซม์ชนิดหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารในระบบลำไส้ ทำให้การดูดซึมแร่ธาตุ-สารอาหารของลำไส้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งไฟเบอร์และน้ำในถั่วงอกยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายมีความคล่องตัวมากขึ้น ช่วยลดของเสียและสิ่งตกค้างในร่างกายไปกับการขับถ่ายด้วย

2. ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย
ด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในถั่วงอก ทำให้ถั่วงอกเป็นผักชนิดหนึ่งซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ อีกทั้งในถั่วงอกยังมีสารต้านความชราที่ชื่อว่า ออซินอน โดยสารตัวนี้มีคุณสมบัติบำรุงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้มีความฟิตเฟิร์ม ไม่แก่เร็วเกินไปก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญด้วยคุณสมบัติของไฟเบอร์และน้ำในถั่วงอก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย การรับประทานถั่วงอกเข้าไปจึงจะช่วยให้ร่างกายขับของเสียและสิ่งตกค้างออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

3. ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
ด้วยความที่ถั่วงอกมีทั้งวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด คุณสมบัตินี้ทำให้ถั่วงอกมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยเติมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันโรคหวัด นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้เกิดความแอคทีฟ ร่างกายจึงจะมีภูมิต้านทานเชื้อไวรัสและเชื้อโรคที่อาจก่ออาการอักเสบตามเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นด้วยนั่นเอง

4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
มีงานวิจัยจากต่างประเทศซึ่งระบุว่า เมล็ดถั่วเขียวที่กลายเป็นต้นถั่วงอกจะช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยโปรตีนได้ดีขึ้น และทำให้กรดอะมิโนบางชนิดสูงขึ้น อีกทั้งต้นถั่วงอกและต้นอ่อนยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประเภทสารโพลีฟีนอลในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารที่ให้ผลทางเภสัชวิทยา เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดการแข็งตัวของเลือด ช่วยเหนี่ยวนำเอนไซม์ในการทำลายสารพิษในเลือด และช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดมีความคล่องตัวขึ้น จึงสามารถลดอัตราความเสี่ยงโรคหัวใจได้

5. ป้องกันโรคมะเร็ง
มีงานวิจัยที่ศึกษาปริมาณสารประกอบโพลีฟีนอลในกลุ่มฟลาโวนอยด์ในถั่วเขียวและถั่วเหลืองงอก ซึ่งพบว่า ปริมาณสารฟลาโวนอยด์จะเพิ่มมากขึ้นในระหว่างกระบวนการงอก และจะเพิ่มมากที่สุดหลังจากการงอก 6-8 วัน ซึ่งต้นถั่วเขียวงอกมีปริมาณฟลาโวนอยด์รวม 268 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนต้นถั่วเหลืองงอกพบสารฟลาโวนอยด์ชนิดเคอร์เซตินประมาณ 78.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสารฟลาโวนอยเหล่านี้มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ในการทำลายสารพิษที่เกิดกับเซลล์ร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์อักเสบต่าง ๆ


นอกจากนี้ในถั่วเหลืองและต้นงอกยังพบว่ามีสารประกอบไฟโตเอสเจน ซึ่งเป็นสารประกอบเอสโตรเจนที่ได้จากพืช ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม ได้แก่ สารกลุ่มไอโซฟลาโวน สารกลุ่มเทอปีน และสารกลุ่มลิกนิน ซึ่งผลทางระบาดวิทยาพบว่า ไฟโตรเอสโตรเจนเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมไปถึงลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และปัญหาที่เกี่ยวกับอาการหลังการหมดประจำเดือนได้
ทั้งนี้ยังมีข้อมูลทางวิชาการที่พบว่า ต้นถั่วเหลืองงอกและต้นถั่วดำงอกมีสารซาโพนินในปริมาณมาก ซึ่งสารซาโพนินมีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้ โดยจะเข้าไปรบกวนการแบ่งเซลล์และการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ส่งผลให้เซลล์มะเร็งลดลงและตายลงในที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ร่างกายต้องการของหวานหรือเครื่องดื่มหวานๆเพราะอะไร….?

เครื่องดื่ม

เวลาที่อากาศร้อนๆ หรือรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา เชื่อว่าหลายคนคงร้องเรียกหาของหวานๆ เย็นๆ ไม่ว่าจะเป็นของหวานหรือเครื่องดื่ม มากินให้ชื่นใจ ซึ่งเมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นเรามีคำตอบมาให้ค่ะ
ทั้งเครื่องดื่ม และของหวานต่างๆ นี้ มีความหวานมาจากน้ำตาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลชนิดใดก็จะให้ความหวาน และมีประโยชน์ในด้านการให้พลังงานแก่ร่ายกาย โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสที่มีหน้าที่ให้พลังงานแก่สมอง และช่วยกระตุ้นการหลั่งของสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของสาเหตุที่เรากินของหวานเข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า คนที่บริโภคน้ำตาลเข้าไปในปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ พลังงานส่วนเกินนี้ก็จะถูกเก็บสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นพลังงานสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น นอกจากนี้ ร่างกายก็ยังเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินให้กลายเป็นไขมันได้อีกด้วย


ดังนั้นของหวานไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัว คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเป็นตัวทำให้อ้วน แต่อีกแต่อีกด้านหนึ่งมันยังให้พลังงานแก่ร่ายกายของคุณด้วยล่ะ!!! ซึ่งวันนี้เราก็มีเมนูขนมหวานเย็นชื้นใจมาฝากกันค่ะ นั้นก็คือ ไอติมกะทิสดและลอดช่องวัดเจษฯ ทั้งสองอย่างนี้มีให้ทานกันที่ร้าน “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ ” อย่าลืมมาลิ้มลองกันนะคะ

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สมุนไพรไทยอย่างกระเทียมรักษาโรคได้อย่างน่าทึ่ง



หากจะพูดถึงสมุนไพรไทย ที่มีสรรพคุณมากมาย ทั้งรักษาโรค บำรุงเลือดและแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี หลายคนของนึกถึง “กระเทียม” สมุนไพรที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน อย่างที่เกริ่นกันมาว่ากระเทียมไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบที่ช่วยชูรสชาติของอาหารไทยเท่ากัน แต่สรรพคุณทางยาก็ครบครัน ทำให้หลายคนชื่นชอบการรับประทานกระเทียม ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมสด กระเทียมเจียว กระเทียมดอง หรือแม้กระทั่งสารสกัดที่เป็นน้ำมันกระเทียม และกระเทียมแบบแคปซูล อย่างไรก็ตามแม้ “กระเทียม” จะมีประโยชน์มากมาย แต่หากรับประทานมากจนเกินไปก็ก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน

ได้ทานกระเทียมมากไป ก็เกิดโทษได้นะ

1. กระเทียมทำให้มีกลิ่นตัว (โทษของกระเทียม) เนื่องจากกระเทียมเป็นสมุนไพรทีมีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีกลิ่นฉุนๆ เย็นๆ ดังนั้นการรับประทานกระเทียมมากๆ จะทำให้มีกลิ่นกระเทียมติดตัว โดยเฉพาะกลิ่นปาก เนื่องจากในกระเทียมมีสารเคมี‘อัลลิอิน’ (Alliin) อยู่ในปริมาณมาก สังเกตได้ว่าเมื่อกระเทียมถูกหั่น สารดังกล่าวจะระเหยออกมาและเมื่อสารดังกล่าวทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ในปากจะทำให้เกิดกลิ่นฉุน ดังนั้นหลังรับประทานกระเทียมทุกครั้งควรทำความสะอาดช่องปากให้สะอาดด้วยการแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปาก
2. กระเทียมทำให้เกิดอาการร้อนใน (โทษของกระเทียม) กระเทียมถือเป็นสมุนไพรที่ให้ความเผ็ดร้อน เมื่อรับประทานเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองทั้งในช่องปากและช่องท้อง โดยทำให้เกิดอาการร้อนในตามมา หรือในบางรายที่ไม่ได้รับประทานอาหารรองท้องก่อนจะทำให้เป็นกระเพาะอักเสบ ปวดท้อง แน่นท้องและมีลมในช่องท้องได้
3. กระเทียมส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ (โทษของกระเทียม) จากการรายงานพบว่าน้ำมันหอมระเหยในกระเทียมมีฤทธิ์ทำลายอสุจิได้ โดยเมื่อทดลองกับหนูตะเภาและหนูแรททำให้ทราบว่าอสุจิไม่แข็งแรง เมื่อเปรียบเทียบกับปฏิกิริยาในร่างกายมนุษย์อาจสรุปได้ว่าทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือเป็นหมัน แต่จากรายงานไม่พบว่าทำให้เกิดภาวะเป็นพิษต่อสัตว์ทดลองตัวเมีย ดังนั้นจึงไม่เพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตรของหญิงตั้งครรภ์แต่อย่างใด
4. กระเทียมอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง (โทษของกระเทียม)จากการทดลองของสำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าเมื่อหลังฉีดน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกระเทียมเข้าในตัวสัตว์ทดลองเพื่อศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลัน พบว่าสัตว์ทดลองมีอาการมึนงง กระสับกระส่าย และเมื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันหอมระเหยจากกระเทียมพบว่าทำให้สัตว์ทดลองตาย ดังนั้นความรุนแรงของอาการแพ้กระเทียมในมนุษย์จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยหากรับประทานกระเทียมแล้วเกิดอาการคัน มีผื่นขึ้นตามตัว หรือมีอาการแน่นหน้าอก ให้หยุดรับประทานทันทีและรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอย่างละเอียด
5. กระเทียมส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด (โทษของกระเทียม) ตามหลักโภชนาการอาหารได้จัดกระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการต้านการแข็งตัวของเลือด ยับยั้งการเกาะกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดเหลวและแข็งตัวช้า ดังนั้นการรับประทานกระเทียมจะช่วยลดอาการหลอดเลือดอุดตันและลโรคหัวใจได้ดี แต่ในรายที่เลือดจางหรือเลือดแข็งตัวช้าอยู่แล้ว การรับประทานกระเทียมเข้าไปยิ่งทำให้เลือดจางและแข็งตัวช้าเพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุว่ามีชายอายุ 23 ปี ที่ไม่มีประวัติหรือมีความเสี่ยงภาวะโรคหัวใจมาก่อน แต่กลับมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หลังจากรับประทานกระเทียมในปริมาณสูงและก่อนมีอาการ ชายรายดังกล่าวเคยมีอาการเจ็บหน้าอก 2 ครั้ง เมื่อรับประทานกระเทียมเป็นจำนวนมาก

จะเห็นได้ว่า แม้ “กระเทียม” จะมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายเพียงใด แต่หากรับประทานมากเกินไปก็ทำให้เกิดโทษได้เช่นเดียวกัน โดยอันตรายที่ว่านี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับอวัยวะภายในเท่านั้น แต่ยังเกิดได้กับอวัยวะภายนอกอย่างผิวหนัง ถ้าหากเราทำกระเทียมหรือน้ำมันหอมระเหยของกระเทียมมาทาตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายเพื่อลดเลือนรอยสิว หรือแผลเป็นตามที่เห็นในอินเทอร์เน็ต จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผิวหนังอักเสบและเกิดรอยไหม้เพิ่มได้

ดังนั้นการบริโภคกระเทียมในแต่ละครั้งจำเป็นต้องใส่ใจปริมาณให้มากๆ และต้องสังเกตุตนเองเกี่ยวกับอาการแพ้ รวมไปถึงต้องหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อให้ทราบว่าตนเองมีโรคประจำตัวหรือมีภาวะเสี่ยงในการรับประทานกระเทียมหรือไม่ เพียงเท่านี้รับรองว่าการรับประทานกระเทียมของคุณจะได้ประโยชน์เต็มร้อย โดยไม่มีผลข้างเคียงหรือได้รับโทษจากกระเทียมแล้วล่ะค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เรื่องน่ารู้ของน้ำซุปในก๋วยเตี๋ยวเรือ

“ก๋วยเตี๋ยวเรือ” เมนูชามน้ำซดคล่องคอที่ถือว่าเป็นเมนูประจำมื้ออาหารของหลายๆ คน ที่มีทีเด็ดจากความหวาน หอม และกลมกล่อมของน้ำซุป
แล้วทราบกันหรือไม่ว่าเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือที่มีน้ำซุปแสนอร่อยนี้เหตุใดจึงอร่อย? เพราะเมื่อเราต้มน้ำซุปเป็นเวลานาน ความร้อนจะทำให้โปรตีนในกระดูกเริ่มเสียสภาพ โดยไปทำลายพันธะไฮโดรเจนของโปรตีน จากเดิมที่มีโครงสร้างซับซ้อนให้คลายตัวออกจนมีรูปร่างเป็นสายยาว เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อพันธะเพปไทด์ระหว่างกรดอะมิโนทำให้กรดอะมิโนหลายชนิดถูกปลดปล่อยออกมาบางส่วน โดยหนึ่งในนั้นคือ “กรดกลูตามิก” ที่เป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจาก กรดกลูตามิกสามารถจับตัวกับต่อมรับรสบนลิ้น เกิดรสชาติอูมามิทำให้เราสัมผัสได้ถึงรสอร่อยกลมกล่อมนั่นเอง นอกจากนี้น้ำซุปยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกายอีกหลายชนิด เช่น กรดอะมิโนไกลซีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างง่ายดาย ช่วยในการย่อยและควบคุมการทำงานของกรดน้ำดี และยังมีกรดอะมิโนโพรลีนที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เพิ่มประสิทธิภาพการโอบอุ้มน้ำให้แก่เซลล์และรักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีบาดแผลยากต่อการรักษา และน้ำซุปยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม อีกด้วย


ฉะนั้นนอกจากความอร่อยแล้ว น้ำซุปยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกไม่ใช่น้อย คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เมนูก๋วยเตี๋ยวเรือเป็นอะไรที่หลายคนนิยมรับประทานกัน ซึ่งใครที่ยังไม่รู้ว่าจะหาร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อย สะอาด แถมยังถูกมากๆ อีกด้วย เราก็ของแนะนำร้านนี้เลยคะ “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ใกล้ๆ บิ๊กซีอุบลฯ ตรงข้ามศูนย์โทรศัพท์ Vivo ลองไปทานกันดูนะคะ อิ่มท้องแถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย👏🏻👏🏻👏🏻

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

น้ำกระเจี๊ยบเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรคลายร้อนชั้นดี



เมื่อพูดถึงน้ำกระเจี๊ยบ แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะน้ำกระเจี๊ยบเป็นเครื่องดื่มคลายร้อนที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล น้ำกระเจี๊ยบที่ได้จะมีรสชาติอมหวานอมเปรี้ยว ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ทั้งยังมีประโยชน์อีกมากมาย ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาดเด็ดขาด


1.ป้องกันและรักษาไตพิการ
น้ำกระเจี๊ยบมีส่วนช่วยในการป้องกันและรักษาอาการของโรคไตพิการ รวมถึงช่วยป้องกันภาวะไตวายในคนที่มีปัญหาไตผิดปกติด้วย ซึ่งน้ำกระเจี๊ยบจะทำหน้าที่ในการขับเอาสารพิษในไตออกมาในรูปของปัสสาวะ พร้อมกระตุ้นให้ไตมีการทำงานที่ปกติมากขึ้น
2.บรรเทาอาการไข้
ในคนที่มีอาการไข้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบก็ช่วยบรรเทาและลดไข้ได้เป็นอย่างดี โดยสรรพคุณของกระเจี๊ยบจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สมดุล พร้อมกำจัดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย
3.ละลายไขมันในเส้นเลือด
น้ำกระเจี๊ยบมีส่วนช่วยในการละลายไขมันในเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอล บรรเทาและป้องกันโรคเบาหวาน ทั้งยังช่วยควบคุมระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ
4.แก้อาการคอแห้ง ดับกระหาย
น้ำกระเจี๊ยบสามารถแก้อาการคอแห้งและดับกระหายได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำกระเจี๊ยบมีรสชาติหวานๆเปรี้ยวๆ ให้ความรู้สึกชุ่มคอ ดื่มแล้วสดชื่นสบายใจ จึงเป็นเมนูเครื่องดื่มที่หลายคนนิยมทำเพื่อบริการในการประชุมหรือการนัดทำกิจกรรมต่างๆ
5.ป้องกันโรคมะเร็ง
ไม่อยากเป็นมะเร็ง แค่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบบ่อยๆ เป็นประจำ ก็สามารถป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำกระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานินและสารโพลีฟีนอล ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์ผิดปกติ และช่วยสลายเซลล์มะเร็งในระยะแรก
6.ช่วยชะลอความแก่และต่อต้านอนุมูลอิสระ
การดื่มน้ำกระเจี๊ยบสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งในคนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำจากการโดนแดดเผา
7.ช่วยให้ระบบขับถ่าย ทำงานได้ดีขึ้น
สำหรับใครที่มีปัญหาอุจจาระแข็ง ท้องผูกหรือมีปัญหาการขับถ่ายบ่อยๆ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบก็ช่วยได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะกระเจี๊ยบมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงสามารถแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้อย่างดีเยี่ยม

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำมะตูมต้านโรคร้ายจริงหรือ…?


เครื่องดื่ม

มะตูม ผลไม้ที่มักนำมาคั้นเป็นเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นและทำเป็นเมนูกินเล่นอย่างมะตูมเชื่อมหรือเค้กมะตูม เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยาตามตำรับยาอายุรเวท ผู้คนจึงนิยมนำผลและส่วนต่างๆ ของต้นมะตูมมาใช้รักษาปัญหาสุขภาพบางประการด้วย เช่น เป็นยาระบาย ลดไข้ หรือขับเสมหะ บรรเทาอาการท้องร่วง ปวดท้อง และแก้โรคบิด

บรรเทาอาการท้องเสีย
มีการนำมะตูมมาใช้บรรเทาอาการท้องเสียตามคำกล่าวอ้างสรรพคุณในตำรับยาอายุรเวทอย่างแพร่ หลาย ทั้งยังปรากฏผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นที่สอดคล้องกับความเชื่อนี้ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งทดลองนำผลมะตูมแห้งไม่ปอกเปลือกต้มในน้ำร้อน แล้วใช้น้ำที่ได้หยดลงในเซลล์ที่มีเชื้ออีโคไลอันเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย ผลพบว่าสารสกัดจากผลมะตูมมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อดังกล่าวได้

รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
เชื่อกันว่าผลมะตูมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร งานวิจัยชิ้นหนึ่ง พิสูจคุณสมบัติด้านนี้โดยทดลองให้หนูที่ป่วยเป็นโรคนี้จากการติดเชื้อเอชไพโลไรกินสารสกัดจากมะตูมสดแล้ววัดผล ผลปรากฏว่าแผลในกระเพาะอาหารของหนูลดลงเทียบเท่ากับการใช้ยารักษาแผลในกระเพาะอาหารอย่างซูคราลเฟต จึงอาจกล่าวได้ว่าผลมะตูมสดมีประโยชน์ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไพโลไร โดยช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

รักษาเบาหวาน
คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามะตูมมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน ประเด็นนี้ถูกนำไป ศึกษากับหนูทดลองที่ป่วยเป็นโรคนี้ ผลพบว่าหนูที่ได้กินสารสกัดจากเปลือกมะตูมเป็นเวลา 28 วัน มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ สารสกัดมะตูมยังช่วยเพิ่มระดับอินซูลินและควบคุมไขมันในเลือด มะตูมจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้

ป้องกันโรคมะเร็ง
เชื่อกันว่ามะตูมมีสรรพคุณในการรักษาโรคมะเร็งต่างๆ ซึ่งจากการทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของมะตูมในการต้านเซลล์มะเร็งและป้องกันสารเคมรบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลดีต่ออาการของโรค ดังปรากฎในการศึกษากับเซลล์มะเร็งบางชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งระบบประสาทนิวโรบลาสโตมา

เครื่องดื่มสมุนไพร

จะเห็นว่าข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ก็เป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สรรพคุณของน้ำมะตูมมากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงน้ำมะตูมที่มีสรรพคุณครบถ้วนขนาดนี้ทุกคนคงอยากลองชิมกันแล้วใช่ไหมล่ะ แนะนำที่ร้านนี้เลย “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติเข้มข้น อร่อย ถึงใจ และยังมีเครื่องดื่มที่เรากล่าวไป นั้นก็คือ... “น้ำมะตูม” บอกเลยว่าเด็ดสุดในจังหวัดอุบลราชธานี

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่แห้งหมู ทำไม… ? ถึงจัดเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด

ก๋วยเตี๋ยวจัดเป็นอาหารที่กินอร่อย กินได้ไม่เบื่อ สั่งแล้วได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด ยอดนิยมระดับแนวหน้าของไทย ไม่น้อยหน้าฟาสต์ฟู้ดของต่างประเทศ เลย ทั้งยังมีขายทั่วไปเกือบทุก ตรอกซอกซอยทั่วประเทศไทยก็ว่าได้ จริงๆแล้วส่วนประกอบในก๋วยเตี๋ยว จัดว่าเรียบง่าย ที่จะนำเสนอวันนี้ คือ ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่แห้งหมู ซึ่งประกอบด้วย ก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ ผักบุ้ง เนื้อหมู ลูกชิ้นหมูหรือลูกชิ้นเนื้อ ต้นหอม ผักชี กระเทียมเจียว


คุณค่าทางโภชนาการล่ะเป็นอย่างไร
บอกได้เลยว่าเส้นหมี่แห้งหมูนี้ให้พลังงานและไขมันค่อนข้างมาก ใน 1 ชาม ปริมาณอาหารเพียง 235 กรัม หรือประมาณ 2 ขีดครึ่ง ซึ่งเป็นปริมาณไม่มากนัก ให้พลังงาน 530 กิโลแคลอรีและเป็นพลังงานมาจากไขมันเสียเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งคิดเป็นปริมาณไขมันถึง 28.6 กรัม คิดเป็นร้อยละ 44 ของปริมาณไขมันที่แนะนำให้บริโภคประจำวัน ไขมันที่มากนี้มาจากน้ำมันกระเทียมเจียวที่ใส่เพื่อทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง ซึ่งถ้ากินเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำจะใส่น้อยกว่านี้
ส่วนปริมาณโปรตีนมีอยู่ 19.4 กรัมนั้น คิดเป็นร้อยละ 39 ของปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้บริโภคประจำวันก็คิดว่าเป็นอาหารที่มี โปรตีนสูง ดังนั้นเส้นเล็กแห้งหมู จึงเป็นอาหารที่มีพลังงานไขมันและโปรตีนสูง การกินเป็นอาหารมื้อกลางวันควรกินเพียง 1 ชาม แล้วตามด้วยผลไม้สดจะทำให้ได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้น ถ้าผู้ที่ใช้แรงงานมากในการทำงานจะกิน 2 ชาม ควรกินเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำจะดีกว่า เพราะมีพลังงานและไขมันน้อยกว่าและท่านก็จะไม่เลี่ยนอีกด้วย

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5หมู่จริงหรือไม่…?



ก๋วยเตี๋ยวเรือ จัดเป็นอาหารจานด่วน ที่นอกจากจะรวดเร็ว รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ยังให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ เพราะ ประกอบไปด้วย เส้น เนื้อสัตว์ ผัก เครื่องเทศ สมุนไพร เครื่องปรุง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ให้ประโยชน์ต่อร่างกายครบครันอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียวคะ

1. คาร์โบไฮเดรท

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..อาหารจานด่วนที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่1

👉🏻มาจากเส้นซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของก๋วยเตี๋ยว ไม่ว่าจะเป็นเส้นเล็ก ใหญ่ หมี่ บะหมี่ คาร์โบไฮเดรทให้พลังงาน ทำให้มีพลังในการทำงานในแต่ละมื้อของวัน หากต้องการพลังงานมาก ต้องเบิ้ล 2 ชามเลยคะ แนะนำ รับรองอิ่ม พลังเพียบ

2. โปรตีน

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..อาหารจานด่วนที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่2

👉🏻มาจากเนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักของก๋วยเตี๋ยว เช่น โปรตีนจากเนื้อหมูสด/หมูตุ๋น หากรับประทานก๋วยเตี๋ยวหมู โปรตีนจากเนื้อวัว/เนื้อตุ๋น หากรับประทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หรือ จากไก่ หากรับประทานก๋วยเตี๋ยวไก่ เป็นต้น โปรตีน ที่ได้จากเนื้อสัตว์ในก๋วยเตี๋ยว จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และทำให้อิ่มทนด้วยครับ

3. วิตามินต่างๆ

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..อาหารจานด่วนที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่3

👉🏻ร่างกายต้องการวิตามินไม่มากนัก แต่ก็ขาดไม่ได้ เพราะถ้าขาดก็จะทำให้ร่างกายแสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็นได้ เช่น ขาดวิตามินซีจะเป็นหวัดง่าย ขาดวิตามินบีจะเป็นโรคเหน็บชา เป็นต้น วิตามินที่ได้จากก๋วยเตี๋ยว ได้จากเส้นคือ วิตามินบี ส่วนผักสดให้วิตามินซี และอื่นๆ มากมาย รับประทานก๋วยเตี๋ยวแล้วได้วิตามินไม่ขาดแน่นอน รับประทานก๋วยเตี๋ยวได้ทุกวันไม่รู้เบื่อกันเลยทีเดียว

4. เกลือแร่ต่างๆ

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..อาหารจานด่วนที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่4

👉🏻ร่างกายต้องการเกลือแร่ในปริมาณไม่มากนัก เช่นเดียวกับวิตามิน และร่างกายขาดเกลือแร่ไม่ได้เช่นกัน เพราะเกลือแร่จะช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยเรื่องระบบประสาทและควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ดังนั้น รับประทานก่วยเตี๋ยวเถอะคะ รับรองไม่ขาดเกลือแร่แน่นอนครับ เพราะในก๋วยเตี๋ยวจะมีแหล่งเกลือแร่จาก ผัก เครื่องปรุง เครื่องเทศ เป็นต้น

5. ไขมัน

ก๋วยเตี๋ยวเรือ..อาหารจานด่วนที่ให้คุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่5

👉🏻ในก๋วยเตี๋ยวมีไขมันไม่มากนัก แต่ก็จัดเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ น้ำมันกระเทียมเจียว แคบหมู นั่นเอง ซึ่งน้ำมันกระเทียมเจียวกับก๋วยเตี่ยวนั้นขาดไม่กันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะจะทำให้ก๋วยเตี๋ยวมีรสชาดหอมอร่อย นอกจากนั้น รับระทานก๋วยเตี๋ยวก็ยังได้รับไขมันบางส่วนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อสด/ตุ๋น หมูตุ๋น ไก่ เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เครื่องดื่มสมุนไพรอย่างน้ำเก๊กฮวยช่วยดับกระหาย


เก๊กฮวย

อากาศร้อนๆ แบบนี้ถ้าได้เครื่องดื่มหวานๆ เย็นๆ สักแก้วคงดี แต่ถ้าอยากจะได้สุขภาพดีด้วย ดับกระหายด้วยก็ไม่ควรเลือกดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน ลองมองหา “เก๊กฮวย” เย็นๆ สักแก้วมาช่วยดับกระหาย รับรองว่าได้ทั้งความสดชื่นและได้สุขภาพดีตามไปด้วย เพราะขอบอกเลยว่าเก็กฮวยไม่ได้ช่วยแค่แก้ร้อนใน ดับกระหายเท่านั้น แต่สรรพคุณและประโยชน์ของเก๊กฮวย ยังเป็นสมุนไพรบำรุงหัวใจ ฟื้นฟูร่างกายได้ดีมากๆ เชียว…


แหล่งกำเนิดและลักษณะของ "ดอกเก๊กฮวย"

"เก๊กฮวย" (Chrysanthemum) มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน และญี่ปุ่น ต่อมามีการขยายการเพาะปลูกในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ส่วนที่นำมาต้มน้ำเก็กฮวยคือ “ดอก” ซึ่งมีทั้งชนิดดอกสีขาว และดอกสีเหลือง ส่วนใหญ่ที่หาซื้อกันโดยทั่วไปจะเป็นดอกเก็กฮวยสวนที่มีราคาไม่สูงมาก ส่วนดอกเก็กฮวยป่า จะมีความหอมหวานมากกว่า และมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย เก๊กฮวยจัดว่าเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็น ให้ความสดชื่นแก่ร่างกายได้ดี มีรสหวานฝาด ดอกมีกลิ่นฉุนแต่พอนำมาต้มน้ำแล้วจะมีกลิ่นหอมมากเพราะในดอกของเก็กฮวยมีน้ำมันหอมอยู่มาก สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้

สรรพคุณของน้ำเก๊กฮวย..ดื่มง่าย ระบายท้อง

เก๊กฮวยอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ละลายได้ดีในน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำเก็กฮวยนอกจากจะสดชื่น ช่วยดับกระหายแล้ว ยังได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณสดใสอีกด้วย นอกจากนี้เก็กฮวยยังมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการขับสารพิษในร่างกาย และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับลม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น สบายท้อง อีกทั้งในเก็กฮวยยังมีสารโคลีน ที่ช่วยให้ร่างกายสร้างเลซิติน ที่ช่วยลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้ การดื่มน้ำเก็กฮวยที่ไม่ใส่น้ำตาลมากไปจึงไม่ทำให้อ้วน แต่ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เนื้อวัว มีประโยชน์อะไรบ้าง..มาดูกัน


ประโยชน์

เนื้อวัว จัดว่าเป็นแหล่งของสารอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพดีของคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน โปรตีนในเนื้อวัวเป็นโปรตีนที่มีค่าทางชีวภาพสูง (high biological value) เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนสำหรับมนุษย์เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเป็นปกติและมีการพัฒนา ของสมองอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของสารอาหารรอง (micronutrients) ได้แก่ วิตามินเอ, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12, วิตามินดี, วิตามินอี, ธาตุเหล็ก1 โดยเฉพาะวิตามินบี 12 มักจะพบในปริมาณน้อยในอาหารชนิดอื่น


คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อวัว

👉โปรตีน👈

โปรตีนในเนื้อวัวส่วนใหญ่มาจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน2 เนื้อวัวดิบมีปริมาณโปรตีน 20.3 กรัมต่อ 100 กรัมของส่วนที่บริโภคได้ โดยปริมาณนี้อาจแปรผันได้ในเนื้อวัวสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของปริมาณไขมันในเนื้อวัวแต่ละสายพันธุ์ ค่าสารอาหารโปรตีนที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes– Thai RDI) มีค่าเท่ากับ 50 กรัม โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี3 จึงนับได้ว่าเนื้อวัวให้ปริมาณโปรตีนแก่มนุษย์ได้ค่อนข้างสูง นอกจากนี้เนื้อวัวยังมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนตามความต้องการของร่างกายมนุษย์ กรดอะมิโนจำเป็นหมายถึงกรดอะมิโนทั้ง 8 ชนิด ที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ ได้แก่ isoleucine, leucine, lysine, methionine, phenylalanine, threonine, tryptophan, และ valine โปรตีนในเนื้อวัวมีประโยชน์ต่อการสร้างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อในนักกีฬาหรือผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เนื้อวัวเป็นแหล่งสำคัญของโปรตีนที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ (biological activity) สูงถึงร้อยละ 28.7 ของค่าเฉลี่ยทั่วไปของอาหาร4 โดยปกติแล้วสัดส่วนของปริมาณโปรตีนในเนื้อที่มาจากชิ้นส่วนที่แตกต่างกันและมีปริมาณไขมันที่แตกต่าง กันย่อมแตกต่างกัน

👉คาร์โบไฮเดรต👈

คาร์โบไฮเดรตมีอยู่ในเนื้อสัตว์เพียงร้อยละ 1 หรือต่ำกว่านี้ 6 ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของไกลโคเจนและกรดแลกติก ซึ่งไกลโคเจนสะสมอยู่ในตับเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเนื้อสัตว์จึงมีปริมาณไกลโคเจนต่ำมาก21

👉แร่ธาตุ👈

เนื้อวัวประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ได้แก่ เหล็ก, ฟอสฟอรัส, สังกะสี, ซีลีเนียม และ แมกนี

👉ไขมัน👈

ไขมันในเนื้อวัวจัดว่ามีความผันแปรมากที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าเป็นชิ้นส่วนใดของซาก นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ห่อหุ้มหรือปะปนอยู่ในเนื้อว่ามีมากน้อยเพียงใด กองโภชนาการ2 รายงานว่าเนื้อวัวส่วนสันในมีปริมาณไขมัน ร้อยละ 3.26 เช่นเดียวกับโปรตีนที่ปริมาณนี้อาจแปรปรวนได้ในเนื้อวัวสายพันธุ์ต่างๆ อย่างเช่น เนื้อวัวพันธุ์ต่างประเทศมีปริมาณไขมันร้อยละ 2.504
กรดไขมันในเนื้อวัวส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันประเภทอิ่มตัว โดยเฉพาะกรดปาล์มิติกและกรดสเตียริก ส่วนกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัวที่มีอยู่ในปริมาณสูง คือ กรดโอลิอิก ไขมันสัตว์มีคอเลสเตอรอลเป็นส่วนประกอบอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างสูงและมีปริมาณแปรปรวนขึ้นกับ สายพันธุ์ของโค ถ้าเป็นเนื้อวัวส่วนสันในจะมีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง (monounsaturated fatty acid, MUFA) กว่ากรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid, SFA) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyusaturated fatty acid, PUFA)

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ดอกอัญชันเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ...น่าทึ่งมาก


สมุนไพร

ดอกอัญชัน ดอกไม้สีม่วงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก หลายคนคงจะเคยได้ยินสรรพคุณของเจ้าดอกอัญชันกันมาบ้างแล้ว ที่เห็นกันชัดเจนก็คงจะเป็นการนำอัญชันมาถูคิ้วเด็กเล็กๆ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้คิ้วดกดำขึ้น หรือแม้แต่คุณประโยชน์ในการนำสีของดอกอัญชันมาใช้ในการทำอาหารหรือขนมต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วดอกอัญชันมีประโยชน์อีกมากมายหลายอย่างเลยล่ะค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า เจ้าดอกเล็กๆ สีม่วงนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ดอกอัญชันมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยในดอกอัญชันนั้นมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งสารชนิดนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น แก้อาการตาฟาง ตามัว หรือภาวะการเสื่อมของดวงตาที่มาจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดีมากขึ้น แถมยังมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน ชะลอการเกิดโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) อุดตันในหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวอีกด้วย และคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดอกอัญชันนั้นยังช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ช่วยขับปัสสาวะ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แต่ใช่ว่าดอกอัญชันจะมีสรรพคุณเพียงเท่านี้ ไปดูกันต่อเลยว่าสรรพคุณที่เหลือมีอะไรกันบ้างค่ะ


รากอัญชัน
- แก้อาการปวดฟัน และทำให้ฟันแข็งแรง โดยการนำรากมาถูที่ฟัน
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น โดยนำรากไปถูกับน้ำฝน แล้วนำมาที่หยอดตาและหู


ใบอัญชัน
- ช่วยขับปัสสาวะ
- ช่วยบำรุงสายตาและอาการตาแฉะได้


ดอกอัญชัน
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายและเพิ่มพลังทำให้ร่างกายมีแรงขึ้น
- สารต้านอนุมูลอิสระในดอกอัญชันช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย
- ช่วยบำรุงสมอง
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
- ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ช่วยล้างสารพิษและขับของเสียออกจากร่างกาย
- แก้อาการปัสสาวะพิการ
- แก้อาการฟกช้ำ
- ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหน็บชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า
การนำดอกสดมารับประทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกชนิดต่างๆ นำมาต้มดื่ม หรือนำไปปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับตามรั้ว แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นการนำมาใช้บำรุงผมให้ดกดำเงางาม และรักษาอาการผมร่วงหรือผมบางได้อีกด้วยล่ะค่ะ

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ใบโหระพาป้องกันโรคได้จริง….

ใบโหระพาเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็ง โหระพา 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ 452.16 ไมโครกรัม ใบโหระพามีกลิ่นเฉพาะใช้เป็นผักสด ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารและมีธาตุแคลเซียมสูงด้วย


นอกจากจะเป็นอาหารแล้ว โหระพายังเป็นสมุนไพรด้วย เพราะมีสรรพคุณทางยาอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
1. แก้ไข้ ปวดศรีษะ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร โดยใช้ยอดอ่อนต้มกับน้ำรับประทานเป็นชาหรือรับประทานเป็นผักสด
2. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะและยาระบายอ่อน ๆ เพื่อแก้อาการท้องผูก โดยนำเมล็ดแก่แช่น้ำให้พองตัวเต็มที่รับประทานกับขนมหวานโดยผสมกับน้ำหวานและน้ำแข็ง
3. ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็นหนอง โดยบดใบโหระพาแห้งให้เป็นผงทาบริเวณที่เป็น
4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยคั้นน้ำจากใบโหระพาสด ประมาณ 1ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอ้อย 2ช้อน รับประทานวันละ 2ครั้ง พร้อมกับน้ำอุ่น
5. แก้สะอึก โดยใช้ใบโหระพาสดหรือแห้งพร้อมขิงสดแช่ในน้ำเดือดรับประทานในขณะที่น้ำยังร้อน
6. น้ำมันโหระพาสามารถฆ่ายุงและแมลงได้
7. เมล็ดแก่แช่น้ำใช้พอกแผลบรรเทาอาการฟกช้ำ

น้ำมันโหระพา

น้ำมันโหระพา เป็นน้ำมันหอมระเหยที่พบในใบโหระพามีร้อยละ 1.5 องค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญ คือ Methylcha vicol และสกัดได้จากใบโหระพาพันธุ์ไทย โดยการกลั่นด้วยไอน้ำ เป็นของเหลวใสสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองอมน้ำตาลปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกชั้นของน้ำ มีกลิ่นเฉพาะตัว มีคุณสมบัติแก้จุกเสียดแน่นท้อง
น้ำมันหอมระเหยช่วยการย่อยอาหารเนื้อสัตว์ ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยให้สบายท้องขึ้น มีกลิ่นหอมหวาน มีคุณสมบัติช่วยให้สงบ มีสมาธิ ลดอาการซึมเศร้า ข้อควรระวังในการใช้คือ ทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง

การใช้เป็นยาสมุนไพร

โหระพามีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ใบสดของโหระพามีสรรพคุณแก้ท้องอืด เฟ้อ ขับลมจากลำไส้ ต้มดื่มแก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ใช้ตำพอกหรือประคบแก้ไขข้ออักเสบ แผลอักเสบ ต้มใบและต้นสดเข้าด้วยกัน ต้มเอาน้ำดื่ม แก้หวัด ขับเหงื่อ ถ้าเด็กปวดท้อง ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาชงนมให้เด็กดื่มแทนยาขับลมได้ ใบโหระพาแห้งต้มกับน้ำ มีสรรพคุณต้านเชื้อก่อโรค

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ก๋วยเตี๋ยวอร่อยได้ต้องทานคู่กับกากหมูเจียวกระเทียมกรอบ

ก๋วยเตี๋ยว เมนูโปรดของเรานั้นจะขาดไม่ได้เลยคือ กากหมูเจียวกระเทียม กรอบๆ ที่เรามักจะขอสั่งเพิ่มมากินคู่กับก๋วยเตี๋ยว ให้ได้อรรถรส และมีประโยชน์มากกว่าอาหารทอดหลายๆ ตัวอีก ลองมาดูกันนะคะว่ามีประโยชน์อย่างไร
หากทุกคนทานกากหมูเจียวกระเทียมไม่บ่อยเกินไป เน้นนะคะว่า ไม่บ่อยเกินไม่ใช่กินทุกวันนะคะ เนื่องด้วยกากหมูเจียวกระเทียมก็ไม่ได้เป็นอาหารที่เลวร้ายอะไรเพราะกากหมูเจียวกระเทียมมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันค่อนข้างต่ำ แถมโปรตีนสูงซึ่งปริมาณโปรตีนในกากหมูเจียวกระเทียมนั้น มากกว่ามันฝรั่งทอดกรอบถึง 9 เท่า และมีปริมาณไขมันน้อยกว่ามันฝรั่งทอดกรอบด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือ 43% ชองไขมันในแคบหมูนั้นเป็นไขมันไม่อิ่มตัว และเป็นกรดโอเลอีกซึ่งเป็นกรดชนิดเดียวกันกับน้ำมันมะกอก และอีก 13% เป็นกรดสเตียริก ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดหนึ่งที่ปลอดภัย และไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล

จะเห็นว่าข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ก็เป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกกินอาหารได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเป็นกังวล แต่ถึงกระนั้นเราก็ควรกินอาหารให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่กินอะไรมากจนเกินไปและน้อยจนเกินไปเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย แต่ถ้าพูดถึงกากหมูเจียวกระเทียมที่กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวแล้วลงตัวสุดๆ เราของแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เลย “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติเข้มข้น อร่อย ถึงใจ และยังมีเครื่องเคียงที่เรากล่าวไป นั้นก็คือ... “กากหมูเจียวกระเทียม” บอกเลยว่าเด็ดสุดในจังหวัดอุบลราชธานี

ประวัติลอดช่องวัดเจษฯ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้

ลอดช่องวัดเจษฯ เป็นชื่อที่เรียกติดปากกันไปแล้ว ถ้าจะกินลอดช่องก็ต้องพ่วงคำว่าวัดเจษฯ เข้าไปด้วย ถือว่าเป็นลอดช่องที่ทุกคนกิน ของมันต้องมีอ...