วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

แคบหมู กินให้พอดีก็มีประโยชน์ได้

ในประเทศไทย แคบหมูมักใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงอาหารอื่นๆ เช่น น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยว น้ำเงี้ยว ฯลฯ หรือเป็นส่วนผสมประกอบอาหารอื่นๆ เช่น พวกน้ำพริกหรือแกง
แคบหมูมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงใช้เป็นของคบเคี้ยวหรือเครื่องเคียง แคบหมูมีไขมันและโซเดียมสูง ไขมันในแคบหมูนั้นทัดเทียมกับในมันฝรั่งทอด ขณะที่โซเดียมในแคบหมูซึ่งบริโภคแต่ละครั้งนั้นมีปริมาณมากกว่าที่ได้จากการบริโภคมันฝรั่งทอดครั้งหนึ่งๆ ถึงราวห้าเท่า การบริโภคแคบหมูครั้งละยี่สิบแปดกรัม (หนึ่งออนซ์) จะได้โปรตีนมากกว่าการบริโภคมันฝรั่งทอดถุงหนึ่งราวเก้าเท่า และในแคบหมูชนิดไขมันต่ำ มีไขมันน้อยกว่ามันฝรั่งทอดชนิดไขมันสูง แต่ในขณะที่97%ของไขมันในมันฝรั่งทอดเป็นไขมันไม่อิ่มตัว มีเพียงร้อยละ43ของไขมันแคบหมูนั้นไม่อิ่มตัว ส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก อันเป็นไขมันที่เป็นผลดีต่อสุขภาพชนิดเดียวกับที่พบในน้ำมันมะกอก ขณะที่อีกร้อยละสิบสามของไขมันแคบหมูนั้นเป็นกรดสตีแอริก อันเป็นไขมันอิ่มตัวที่เชื่อกันว่าไม่เพิ่มระดับคอเลสเทอรอล แต่ทั้งนี้เมื่อนับปริมาณไขมันอิ่มตัวในแคบหมู ก็มีถึง53% ซึ่งยังนับว่าเป็นอาหารไขมันสูงอยู่ดี

จะเห็นว่าข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ก็เป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกกินอาหารได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเป็นกังวล แต่ถึงกระนั้นเราก็ควรกินอาหารให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่กินอะไรมากจนเกินไปและน้อยจนเกินไปเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย แต่ถ้าพูดถึงแคบหมูที่กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวแล้วลงตัวสุดๆ เราของแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เลย “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติเข้มข้น อร่อย ถึงใจ และยังมีเครื่องเคียงที่เรากล่าวไป นั้นก็คือ... “แคบหมู” บอกเลยว่าเด็ดสุดในจังหวัดอุบลราชธานี

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

ประโยชน์ของเนื้อน่องลายหมู





                ต้องบอกได้เลยนะคะว่าเนื้อน่องลายหมูเป็นที่นิยมของคนไทย ในการนำมารับประทานกันเป็นจำนวนมาก สำหรับวันนี้ โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็จะมากล่าวถึงคุณประโยชน์ของเนื้อน่องลายหมูให้ทุกท่านในทราบกัน






               หลายท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า เนื้อน่องลายหมูนั้น มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา และบำรุงสมองอีกด้วย  ที่สำคัญยังมีโปรตีนมากมายพร้อมทั้งมีประโยชน์ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย  แต่ที่สำคัญนั้นเราต้องรับประทานให้พอดีพองามควบคู่กับอาหารให้ครบ  5 หมู่นะคะ  




วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

ตะไคร้ สมุนไพรใกล้ครัวกับคุณประโยชน์ที่เราอาจไม่เคยรู้

ตะไคร้ จัดเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านและนำมาปรุงอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และช่วยบรรเทาอาการของโรคบางชนิดได้ แต่หารู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆ และใบที่คมของตะไคร้ยังซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้มากมายจนคาดไม่ถึง วันนี้เราไปดูประโยชน์ของตะไคร้ที่รู้แล้วต้องทึ่ง ใครที่ชอบกลิ่นหอมๆ ของมัน จะต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

1. อุดมไปด้วยวิตามิน

อย่าคิดว่าตะไคร้มีประโยชน์แค่ใช้ปรุงอาหารเท่านั้น เพราะที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบี นอกจากนี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้ ... วิตามินเยอะขนาดนี้คราวหน้าเจอตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ

2. ล้างสารพิษ

สำหรับคนที่รักสุขภาพและชอบล้างพิษในร่างกายบ่อยๆ ไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะว่ามันมีคุณสมบัติในการล้างสารพิษในร่างกายด้วยการทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร อย่างเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และกระเพาะปัสสาวะ ขับสารพิษและกรดยูริกออกจากร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

3. ช่วยย่อยอาหาร

ตะไคร้ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นค่ะ เพราะมีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยในการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและลดแก๊สในลำไส้ได้อีกด้วย

4. ช่วยซ่อมแซมและบำรุงระบบประสาท

มีการศึกษาจำนวนไม่น้อยพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้ง่ายๆ ด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆ ซึ่งมันจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากและลดอาการตะคริวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา และห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ

5. ช่วยรักษาอาการอักเสบ

ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะรับรองว่าหายแน่นอน

6. ช่วยบำรุงผิว

ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นมันจึงสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณเปล่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่างๆ ได้อีกด้วย
เห็นไหมคะว่า ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมาย และเป็นสมุนไพรที่เราไม่ควรละเลย เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากมีสุขภาพดีด้วยสมุนไพร ตะไคร้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่เลวเลย แถมยังสามารถปลูกเป็นพืชสวนครัวในรั้วบ้านได้ ยังยังสามารถนำมาทำเป็นน้ำตะไคร้ได้อีกด้วย สำหรับใครที่ขี้เกียจหรือว่าทำไม่เป็น เราก็มีร้านแนะนำที่มีน้ำตะไคร้เย็นๆ ให้ดื่มกันค่ะ นั้นก็คือ “ร้านโฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” ที่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือที่มีรสชาติอร่อย เป็นเอกลักษณ์ และยังมีน้ำสมุนไพรอีกมากมาย มาลองทานกันดูนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

น้ำกระเจี๊ยบ เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพชั้นเลิศ

เมื่อพูดถึงน้ำกระเจี๊ยบ แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะน้ำกระเจี๊ยบเป็นเครื่องดื่มคลายร้อนที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล น้ำกระเจี๊ยบที่ได้จะมีรสชาติอมหวานอมเปรี้ยว ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ทั้งยังมีประโยชน์อีกมากมาย ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาดเด็ดขาด

1.ป้องกันและรักษาไตพิการ

น้ำกระเจี๊ยบมีส่วนช่วยในการป้องกันและรักษาอาการของโรคไตพิการ รวมถึงช่วยป้องกันภาวะไตวายในคนที่มีปัญหาไตผิดปกติด้วย ซึ่งน้ำกระเจี๊ยบจะทำหน้าที่ในการขับเอาสารพิษในไตออกมาในรูปของปัสสาวะ พร้อมกระตุ้นให้ไตมีการทำงานที่ปกติมากขึ้น

2.บรรเทาอาการไข้

ในคนที่มีอาการไข้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบก็ช่วยบรรเทาและลดไข้ได้เป็นอย่างดี โดยสรรพคุณของกระเจี๊ยบจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สมดุล พร้อมกำจัดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย

3.ละลายไขมันในเส้นเลือด

น้ำกระเจี๊ยบมีส่วนช่วยในการละลายไขมันในเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอล บรรเทาและป้องกันโรคเบาหวาน ทั้งยังช่วยควบคุมระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ

4.แก้อาการคอแห้ง ดับกระหาย

น้ำกระเจี๊ยบสามารถแก้อาการคอแห้งและดับกระหายได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำกระเจี๊ยบมีรสชาติหวานๆเปรี้ยวๆ ให้ความรู้สึกชุ่มคอ ดื่มแล้วสดชื่นสบายใจ จึงเป็นเมนูเครื่องดื่มที่หลายคนนิยมทำเพื่อบริการในการประชุมหรือการนัดทำกิจกรรมต่างๆ

5.ป้องกันโรคมะเร็ง

ไม่อยากเป็นมะเร็ง แค่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบบ่อยๆ เป็นประจำ ก็สามารถป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำกระเจี๊ยบมีสารแอนโทไซยานินและสารโพลีฟีนอล ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์ผิดปกติ และช่วยสลายเซลล์มะเร็งในระยะแรก

6.ช่วยชะลอความแก่และต่อต้านอนุมูลอิสระ

การดื่มน้ำกระเจี๊ยบสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งในคนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำจากการโดนแดดเผา

7.ช่วยให้ระบบขับถ่าย ทำงานได้ดีขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาอุจจาระแข็ง ท้องผูกหรือมีปัญหาการขับถ่ายบ่อยๆ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบก็ช่วยได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะกระเจี๊ยบมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ จึงสามารถแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้อย่างดีเยี่ยม

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561

ความเป็นมาของลอดช่องไทย จากอดีต จนเป็นปัจจุบัน

ลอดช่อง...เป็นขนมไทยแท้โบราณชนิดดั้งเดิม โดยที่ใครๆ พากันคิดว่ามันคือขนม ที่มาจากเกาะสิงคโปร์นู้น แต่แท้จริงแล้วต้นกำเนิดไม่ได้มาจากประเทศสิงคโปร์ แต่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยเรานี่เอง ที่ได้นำแป้งมันสำปะหลังมาปั้น และนวดให้เหนียว รับประทานกับกะทิสด น้ำเชื่อม และน้ำแข็ง แค่นี้ก็สามารถเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้บริโภคได้แล้ว แต่หลายคนคงสงสัยว่าแล้วคำว่า สิงคโปร์ล่ะ มาจากไหน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันจนติดปากถึงบริเวณที่ตั้งของร้านลอดช่อง ที่เป็นเจ้าแรก ในการทำ “ลอดช่องสิงคโปร์” นั่นเอง หากย้อนไปเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ร้านลอดช่องบังเอิญไปตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงภาพยนต์สิงคโปร์ หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช และเมื่อลูกค้าจะไปทานก็มักจะเรียกว่า “ไปทานลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” สุดท้ายก็เรียกให้สั้นลงว่า “ลอดช่องสิงคโปร์”
การทำลอดช่องยังมีการผลิตโดยใช้ข้าวเจ้าผสมกับสีสมุนไพรที่ได้จากธรรมชาติในท้องถิ่น ถือว่าปลอดภัยแต่ก็มีปัญหาเนื่องจากขั้นตอนการผลิตที่ไม่สะอาดพอ อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน อาจเป็นสาเหตุทำให้ลอดช่องไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน ทำให้เกิดการเน่าเสีย และเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ดร.น้ำทิพย์ วงษ์ประทีป ได้ร่วมกับ กลุ่มผู้ผลิตลอดช่องชุมชน ชาวหนองกระดิ่ง ตำบลหนองกระดิ่ง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย พัฒนาคุณภาพลอดช่องให้มีความสะอาดปลอดภัย สร้างเอกลักษณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการจากสมุนไพรให้แตกต่างจากลอดช่องทั่วไป
ลอดช่องสมุนไพร ที่มีสีสันสวยงามตามสีสมุนไพร ต้องใช้วัตถุดิบที่เป็นข้าวเจ้าท่อนปลอดสารพิษ น้ำสมุนไพรที่ไม่มีการใช้สารเคมี และอุปกรณ์การผลิตที่สะอาด เป็นปัจจัยหลักที่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภค อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงหัวใจทำให้ชุ่มชื่น บำรุงโลหิต แก้ท้องร่วง-ท้องเสีย และบำรุงธาตุได้อีกด้วย

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

รู้หรือไม่ “ของหวาน” ทานให้พอดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย

หลายคนพอได้ยินคำว่า “ของหวาน ”นั้นมักจะคิดว่ามันเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้คุณลดน้ำหนักไม่สำเร็จ รวมถึงหากไม่ควบคุมการทานให้เหมาะสม มันก็ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคร้ายตามมาโดยเฉพาะโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วของหวานก็มีประโยชน์เช่นกันค่ะ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1.ทำให้คุณมีความสุข

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโมเม้นท์ที่รู้สึกเศร้าหรือเสียใจ เชื่อไหมคะว่าการได้ทานไอศกรีมเย็นๆ สักลูกหรือของหวานนั้นจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งนี้มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า บรรดาของหวานทั้งหลายนั้นสามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ค่ะ แต่มันอาจช่วยได้ชั่วคราวเท่านั้นหากคุณทานอาหารที่มีน้ำตาลที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวอย่างน้ำตาลทรายขาวที่ผ่านกระบวนการขัดสี โดยมักจะพบได้ในของหวานอย่างคุกกี้ เค้ก ลูกอม ฯลฯ ซึ่งหากคุณทานน้ำตาลชนิดนี้มากเกินไป มันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพค่ะ ทั้งนี้ถ้าอยากรู้สึกมีความสุขขึ้นไปพร้อมๆ กับมีสุขภาพดีคุณควรเลือกทานของหวานที่มีส่วนผสมเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างผลไม้จะดีกว่าค่ะ

2.มอบสารอาหาร

เมื่อกล่าวถึงของหวานนั้นหลายคนอาจมองในแง่ร้ายก่อนว่ามันเป็นตัวการที่ทำให้น้ำหนักตัวของคุณพุ่งกระฉูด ซึ่งความจริงแล้วมันอยู่ที่การเลือกทานและชนิดของๆ หวานค่ะ โดยที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงของหวานที่ใส่น้ำตาลในปริมาณมากและถ้าอยากได้รับสารอาหารอย่างเต็มเปี่ยม การหันมาทานของหวานที่นำผลไม้มาเป็นส่วนผสมหรือดื่มน้ำผลไม้ปั่นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักสุขภาพค่ะ สำหรับใครที่ชอบทานเค้ก คุณก็อาจเลือกเป็นชีสเค้กที่ทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนและแคลเซียมจากชีสหรือจะทานคุกกี้ข้าวโอ๊ตที่ใช้เมเปิ้ลไซรัปแทนน้ำตาลทรายขาวก็ดีทั้งนั้นค่ะ

3.ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักดีขึ้น

คุณอาจสงสัยว่าบรรดาของหวานทั้งหลายนั้นจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างไรกัน ซึ่งการลดการทานขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพหรือของหวานนั้นอาจช่วยคุณลดน้ำหนักได้ก็จริงค่ะแต่มีหลายการศึกษาพบว่า คนที่ทานของหวานไปพร้อมกับการทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารนั้นจะมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักมากกว่าคนที่ไม่แตะของหวานเลย

แม้ว่าอาหารหวานจะทำให้เกิดโทษแก่ร่างกายแต่หากคุณควบคุมปริมาณการทานให้เหมาะสม มันก็ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกันค่ะ ซึ่งวันนี้เราก็มีเมนูขนมหวานเย็นชื้นใจมาฝากกันคะ นั้นก็คือ ไอติมกะทิสดและลอกช่องวัดเจษฯ ทั้งสองอย่างนี้มีให้ทานกันที่ร้าน “โฮมก๋วยเตี๋ยวเรือ” อย่าลืมมาลิ้มลองกันนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

สรรพคุณของถั่วงอก บอกเลยว่าแจ่ม !

👉🏻ถั่วงอกสรรพคุณไม่ธรรมดา จัดเป็นผักที่ให้คุณค่าทางสารอาหารมากมาย หลายคนที่ไม่ชอบกินถั่วงอก อ่านจบแล้วอาจเปลี่ยนใจ มากินถั่วงอกได้ง่ายขึ้น

1. ช่วยในการย่อยและระบบขับถ่าย
👉🏻ในถั่วงอกมีไฟเบอร์อยู่จำนวนไม่น้อย อีกทั้งยังมีน้ำ และเอนไซม์ชนิดหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารในระบบลำไส้ ทำให้การดูดซึมแร่ธาตุ-สารอาหารของลำไส้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งไฟเบอร์และน้ำในถั่วงอกยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายมีความคล่องตัวมากขึ้น ช่วยลดของเสียและสิ่งตกค้างในร่างกายไปกับการขับถ่ายด้วย

2. ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย
👉🏻ด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในถั่วงอก ทำให้ถั่วงอกเป็นผักชนิดหนึ่งซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ อีกทั้งในถั่วงอกยังมีสารต้านความชราที่ชื่อว่า ออซินอน โดยสารตัวนี้มีคุณสมบัติบำรุงเซลล์ต่างๆ ในร่างกายให้มีความฟิตเฟิร์ม ไม่แก่เร็วเกินไปก่อนเวลาอันควร

3. ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
👉🏻ด้วยความที่ถั่วงอกมีทั้งวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด คุณสมบัตินี้ทำให้ถั่วงอกมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยเติมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันโรคหวัด นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้เกิดความแอคทีฟ ร่างกายจึงจะมีภูมิต้านทานเชื้อไวรัสและเชื้อโรคที่อาจก่ออาการอักเสบตามเซลล์และอวัยวะต่างๆ ได้ดีมากขึ้นด้วยนั่นเอง

4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
👉🏻เมล็ดถั่วเขียวที่กลายเป็นต้นถั่วงอกจะช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยโปรตีนได้ดีขึ้น และทำให้กรดอะมิโนบางชนิดสูงขึ้น อีกทั้งต้นถั่วงอกและต้นอ่อนยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประเภทสารโพลีฟีนอลในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดการแข็งตัวของเลือด ช่วยเหนี่ยวนำเอนไซม์ในการทำลายสารพิษในเลือด และช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดมีความคล่องตัวขึ้น จึงสามารถลดอัตราความเสี่ยงโรคหัวใจได้

5. ป้องกันโรคมะเร็ง
👉🏻มีงานวิจัยที่ศึกษาปริมาณสารประกอบโพลีฟีนอลในกลุ่มฟลาโวนอยด์ในถั่วเขียวและถั่วเหลืองงอก ซึ่งพบว่า ปริมาณสารฟลาโวนอยด์จะเพิ่มมากขึ้นในระหว่างกระบวนการงอก และจะเพิ่มมากที่สุดหลังจากการงอก 6-8 วัน ซึ่งต้นถั่วเขียวงอกมีปริมาณฟลาโวนอยด์รวม 268 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนต้นถั่วเหลืองงอกพบสารฟลาโวนอยด์ชนิดเคอร์เซตินประมาณ 78.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสารฟลาโวนอยเหล่านี้มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์ในการทำลายสารพิษที่เกิดกับเซลล์ร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์อักเสบต่างๆ

นอกจากนี้ในถั่วเหลืองและต้นงอกยังพบว่ามีสารประกอบไฟโตเอสเจน ซึ่งเป็นสารประกอบเอสโตรเจนที่ได้จากพืช ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม ได้แก่ สารกลุ่มไอโซฟลาโวน สารกลุ่มเทอปีน และสารกลุ่มลิกนิน ซึ่งผลทางระบาดวิทยาพบว่า ไฟโตรเอสโตรเจนเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมไปถึงลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และปัญหาที่เกี่ยวกับอาการหลังการหมดประจำเดือนได้ เห็นต้นเล็กๆ แบบนี้แต่สรรพคุณของถั่วงอกคับแน่นจริงๆ เลยนะคะ ทว่าการรับประทานถั่วงอกก็มีข้อควรระวังด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการรับประทานถั่วงอกที่ไม่ได้เพาะเอง ซึ่งอาจเสี่ยงกับสารฟอกขาวที่พ่อค้า แม่ค้าใส่ลงมาเพื่อให้ถั่วงอกดูขาวอวบน่ารับประทาน โดยหากเรารับสารฟอกขาวเข้าไปมากๆ ก็จะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำในการกินถั่วงอกอย่างปลอดภัยต่อร่างกายตามนี้ด้วยค่ะ

ประวัติลอดช่องวัดเจษฯ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้

ลอดช่องวัดเจษฯ เป็นชื่อที่เรียกติดปากกันไปแล้ว ถ้าจะกินลอดช่องก็ต้องพ่วงคำว่าวัดเจษฯ เข้าไปด้วย ถือว่าเป็นลอดช่องที่ทุกคนกิน ของมันต้องมีอ...